วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ผีแจ็คเดอะริปเปอร์ (ตอนที่2)

              

                 
                      ที่ร้านเหล้าแห่งนี้มีหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์ในปีค.ศ.1888 ซึ่งลงเรื่องราวการฆาตกรรมของแจ็คเดอะริปเปอร์อย่างละเอียดหลายต่อหลายฉบับติดหราไว้ที่ฝาผนังของร้านเหล้า รวมไปถึงตัวอาคารเก่าแห่งนี้ก็ยังคงสภาพเหมือนเดิมในยุค ค.ศ.1888ดังกล่าว ต่อมาอาคารหลังนี้รวมไปถึงหนังสือพิมพ์ดังกล่าวต่างก็ได้รับการประกาศเป็นอาคารประวัติศาสตร์ และมีการประกันจากรัฐบาลว่าทุกอย่างรวมถึงหนังสือพิมพ์เหล่านั้นจะไม่มีการเคลื่อนย้ายโดยเด็ดขาดด้วย
                อีวาน ออสโตรสกี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเท็นเบลส์คนปัจจุบันกล่าวว่า ร้านนี้มีเจ้าของผลัดเปลี่ยนมือกันมาหลายคนแล้วกว่าจะตกมาถึงมือของเธอ บางทีการเปลี่ยนเจ้าของบ่อยๆอาจหมายถึงการมาหลอกหลอนของวิญญาณบางดวงที่ยังติดใจหรือยังหลงยุคอยู่กับร้านเหล้าแห่งนี้ก็เป็นได้
                เธอเล่าว่าบ่อยครั้งที่บรรยากาศในร้านเหล้าแห่งนี่จะมีสภาพอึมครึมเหมือนถูกวิญญาณเข้าครอบงำเป็นบางจุด เช่น จู่ๆพื้นที่หลายส่วนของร้านก็หนาวยะเยือกขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ บางทีไฟฟ้าในผับก็จะเปิดปิดได้เอง จากนั้นก็มีเสียงคล้ายเครื่องประดับสตรีกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊งชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเสียงจานชามกระทบกันเองจนใจแทบสลายผสมโรงลงไปด้วย
                แต่ที่น่าหวาดหวั่นมากๆก็คือมีเสียงคนเดินย่ำเท้าหนักๆบนห้องใต้หลังคา มีเสียงคนเคาะผนังดังโป๊กเป๊ก และมีเสียงร้องคร่ำครวญออกมาจากห้องออกมาจากห้องนั้นจนขวัญแทบผวา
                แต่เรื่องที่อีวอนรู้สึกหวั่นจนขนลุกก็คือเธอเล่าว่า คืนหนึ่งเธอได้ยินเสียงกุกกักจากห้องใต้หลังคา เสียงนั้นทำให้เธอตื่นขึ้นมากลางดึกและสงสัยว่าอาจจะมีโจรบุกเข้ามาขโมยของในร้าน พอเธอเดินลงมาชั้นล่างก็เห็นว่ามีไฟฟ้าเปิดสว่างจ้า เมื่อสำรวจไปทั่วก็พบว่าแก้วเหล้าใบสวยจำนวนหนึ่งหายไป เธอบอกว่าเธอจำได้แม่นว่าก่อนนอนเธอปิดไฟชั้นล่างเรียบร้อยพร้อมล้างแก้วเหล้าเก็บเข้าตู้ด้วย
                ต่อมาอีก3สัปดาห์ให้หลังเธอก็พบกับเหตุการณ์คล้ายๆกับคราวก่อน คือมีเสียงฝีเท้ากุกกักที่ชั้นบน เมื่อตามลงมาดูก็พบไฟร้านเหล้าเปิดสว่างจ้า แต่คราวนี้แก้วเหล้าสวยๆที่หายไปเมื่อคราวก่อนถูกนำกลับมาวางไว้อย่างเป็นระเบียบที่บาร์เหล้า
                เรื่องนี้อีวอนให้ความเห็นว่าน่าจะเป็นวิญญาณของแมรี่ เจน เคลลี่ เป็นผู้ทำ เพราะเธอผูกพันกับที่นี่ และแวะมาดื่มเหล้าที่นี่ก่อนจะกลายเป็นศพในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า(ในปี ค.ศ.1888)
                ทุกวันนี้บรรดาแขกเหรื่อในร้านต่างก็เข้าใจถึงบรรยากาศของความเย็นเยือกหรือวังเวงเป็นครั้งคราว และเข้าใจว่าจุดต่างๆในร้านน่าจะเป็นจุดที่วิญญาณของแจ็คเดอะริปเปอร์ หรือบรรดาเหยื่อของเขาพากันมาแวะมาจับจองเป็นครั้งคราวก่อนจะออกไปโลดแล่นตามวิถีทางของปีศาจ
                ความหวาดกลัว กลายเป็นจุดขายของร้านนี้ แต่บางคราวลูกค้าในร้านก็อดจะสยองใจ เมื่อมองไปที่หนังสือพิมพ์ที่ติดไว้ที่ฝาผนังพร้อมกับรับรู้ว่า บางทีเก้าอี้ว่างหลายตัวในร้านอาจกำลังถูกจับจองโดยบุคคลในข่าวหนังสือพิมพ์สมัย ค.ศ.1888 นั้นก็ได้

                เป็นความกลัวร่วมสมัยที่หาไม่ได้จากที่ไหนนอกจากที่ร้านเดอะเท็นเบลส์ ซึ่งมีแจ็คเดอะริปเปอร์และเหยื่อของเขาเป็นขาประจำ

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ผีแจ็คเดอะริปเปอร์ (ตอนที่1)

ผีแจ็คเดอะริปเปอร์

         แจ็คเดอะริปเปอร์ เป็นจอมอาชญากรคนสำคัญของโลกที่สร้างความสยดสยองด้วยการสังหารโสเภณีในอังกฤษในระหว่างปีค.ศ.1888หลายศพด้วยกัน แต่ไม่เคยถูกจับตัวได้และไม่เคยมีใครสืบสาวไปถึงต้นตอหรือความเป็นตัวตนของเขาได้
แม้อาชญากรระดับโลกคนนี้จะหายไปจากโลกนี้นานแสนนานแล้วก็ตาม แต่เรื่องราวของเขายังเป็นที่กล่าวถึงในหลายแง่มุม และนั่นย่อมรวมไปถึงการเป็นวิญญาณหลงยุคที่ยังคงโผล่มาเยือนถิ่นเก่าที่เคยเป็นแหล่งพักพิงดื่มเหล้าของเขาก่อนที่จะออกไปล่าสังหารเหยื่อด้วย


           ร้านเหล้าที่ชื่อเทนเบลส์ซึ่งตั้งอยู่อย่างสงบเงียบในย่านใจกลางเขตริปเปอร์แลนด์ บนถนนดอร์เซ็ต กรุงลอนดอนในประเทศอังกฤษ ตลอดจนอาคารมิลเลอร์สคอร์ต บนถนนวิคตอเรียน ยังปรากฏว่ามีคนรับรู้ถึงการมาปรากฏตัวของวิญญาณฆาตกรร้ายคนดังด้วย เรื่องนี้ทำให้หวนคิดว่า นอกจากแจ็คจะเป็นฆาตกรร้ายยามมีชีวิตอยู่แล้ว เมื่อยามตายไปจากโลกเขายังถือกาสหวนกลับมายังถิ่นเก่าเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน  


โจเซฟ ออกโรวสกี คือผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านวิคตอเรียนสตรีทและห้องพักของเขาอยู่ตรงข้ามกับอาคารมิลเลอร์สคอร์ต ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นจุดสุดท้ายที่แจ็คเดอะริปเปอร์ได้ทำการสังหารเหยื่อสาวซึ่งเป็นโสเภณีที่ชื่อ แมรี่ เจน เคลลี่
                โจเซฟได้เล่าถึงเหตุการณ์คราวที่เห็นผีแจ็คเดอะริปเปอร์ว่า “ถนนทั้งสายดูเงียบเหงาจนน่ากลัว และแล้วผมก็มองเห็นถนนทั้งสายดูเงียบเหงาจนน่ากลัว และแล้วผมก็มองเห็นร่างของคนคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินอย่างช้าๆไปตามถนน สิ่งที่ทำให้ผมงงงันจนไม่อยากจะละสายตาไปจากภาพของคนคนนั้นคือ รูปแบบการแต่งกายของมันนั่นเอง มันคลุมร่างด้วยเสื้อคลุมยาวจากหัวจรดเท้า ทั้งยังสวมหมวกแก๊ปปิดหน้าผิดยุคผิดสมัย นอกจากนั้นมันยังยกปกเสื้อตั้งสูงอีกด้วย แบบนั้นเท่ากับเป็นการปกปิดโฉมหน้าของมันมากเข้าไปอีกส่วนมือีกข้างหนึ่งของมันนั้นก็แบกห่อสิ่งของเล็กๆติดตัวมาด้วย เมื่อมันเดินจนถึงบ้านเลขที่13 มันก็หยุดนิ่งแล้วมองไปรอบๆ จากนั้นก็ก้าวเดินตรงเข้าไปในล้อมรั้วของบ้านหลังนั้นทันที
                ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้เขาหยุดตั้งสติ และคิดว่าต้องทำอะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงรีบเดินออกไปข้างนอกทันที เมื่อข้ามถนนไปยังอาคารน่าสงสัยฝั่งตรงข้าม สิ่งที่เขาทำคือรีบแนบดวงตาไปตามรอยแตกของแผ่นกระดานที่ล้อมรั้วอาคารหมายเลข13นั้น
                เขาบอกว่าภาพภายในล้อมรั้วนั้นมันช่างมืดมิดจนเดาอะไรไม่ออกบางทีอาจเป็นเพราระว่าแผ่นกระดานนั้นถูกตีเป็นแผงชิดตัวตึกมากเกินไปก็ได้ และคงไม่ได้เห็นอะไรกระมัง เขาตั้งใจเอาเองว่าคืนต่อไปถ้าสบโอกาสเขาจะต้องจับพิรุธไอ้เจ้าร่างประหลาดนั้นให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่ง
                แล้วโจเซฟก็สบโอกาสดังหวัง เขาเล่าว่า “เพียงแค่อาทิตย์กว่าๆ หลังจากเหตุการณ์คราวนั้นผมก็เห็นเจ้าของเรือนร่างลึกลับซึ่งยังคงแฝงกายมาในชุดแบบเดิมที่ผมเคยจับตามองมัน มันย่างก้าวสบๆมาตามถนนสายนั้นอีกครั้งก่อนที่จะแฝงกายหายไปในอาคารหมายเลข13อย่างลึกลับ ไม่น่าเชื่อว่าวินาทีนั้นผมเชื่อเต็มเปาว่าผมได้เห็นปีศาจแจ็คเดอะริปเปอร์เข้าให้แล้วอย่างจัง
                รูปร่างของชายลึกลับตามสายตาของโจเซฟนั้นตรงกันกับรายงานของการสืบพยานในยุคร้อยกว่าปีก่อนที่รายงานว่า(จากปากคำพยานในยุคนั้น) เขาเห็นชายที่เดินกับแมรี่ เจน เคลลี่ จะกลายเป็นศพอยู่ที่มิลเลอร์สคอร์ตในเวลาต่อมา
                เป็นเรื่องน่าประหลาดว่า หลังจากวันที่โจเซฟเห็นวิญญาณของแจ็คเดอะริปเปอร์ เดินเข้าไปที่อาคารเก่าๆหลังนั้นแล้ว อีกไม่กี่วันให้หลังอาคารหลังนั้นก็ถูกทำลายลงเพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับก่อสร้างอาคารสมัยใหม่แทนที่ และนั่นทำให้วิญญาณแจ็คเดอะริปเปอร์ ไม่โผล่มาเดินท่อมๆให้โจเซฟเห็นอีกเลย

                นอกจากอาคารหลังดังกล่าวซึ่งวิญญาณของแจ็คเฝ้าวนเวียนไปมาแล้ว เชื่อกันว่าแจ็คยังคงไปสิงสถิตที่ร้านเหล้าชื่อเดอะเทนเบลส์ด้วยเช่นกัน เพราะร้านเหล้าแห่งนั้นเป็นร้านเหล้าสำคัญที่อยู่ไม่ห่างไกลจากจุดที่แจ็คได้ฆาตกรรมหญิงสาวโสเภณีหลายราย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตัวของแจ็คเดอะริปเปอร์เอง หรือกระทั่งสาวบางคนที่ตกเป็นเหยื่อของเขา ต่างก็มีโอกาสได้มาดื่มเหล้าที่ร้านนี้ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมกันทั้งนั้น โดยเฉพาะแมรี่ เจน เคลลี่ ซึ่งถือว่าเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของแจ็คนั้น ก่อนที่เธอจะตายก็ได้มาสั่งเหล้าที่ร้านนี้ดื่มอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ตำนานสหราชอาณาจักร

  •                 มือกลองแห่งเทดเวิร์ท (Drummer of Tedworth) ซึ่งมักปรากฏที่เมืองเทดเวิร์ท
    มีการรายงานถึงเสียงกลองที่ดังมากและไม่ทราบที่มา รบกวนชาวบ้าน เป็นหนึ่งในโพลเทอร์ไกสท์
    Drummer of Tedworth

  •       แมรีผู้กระหายเลือด (Bloody Mary) เป็นผีในตำนานที่มักจะเปิดเผยอนาคต ซึ่งผีตนนี้จะปรากฏตัวในกระจกเมื่อมีการขานชื่อเธอหลายครั้ง ปรากฏในรูปลักษณ์ของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเลือดและจะฉายภาพอนาคตแก่ผู้ขานชื่อเธอ
    Bloody Mary
  •                สุภาพสตรีสีน้ำตาลแห่งไรน์แฮมฮอลล์ (Brown Lady of Raynham Hall)   มีการรายงานว่า  เป็นผีของเลดี้โดโรธี  วอลโพล  น้องสาวของนายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต  วอลโพล  เป็นผีที่โด่งดังที่สุดในอังกฤษมักปรากฏตัวในชุดคลุมสีน้ำตาลซึ่งเป็นชุดที่เลดี้โดโรธีชอบใส่

    Brown Lady of Raynham Hall


  •                 ผีถนนค็อกเลน (Cock Lane ghost) ปรากฏในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจไปทั่วอังกฤษ ในรูปแบบของเสียงเคาะแปลก ๆ และเสียงกรีดร้องโหยหวนโดยวิญญาณระบุถึงคนร้ายในคดีฆาตกรรม

    Cock Lane ghost
  •                 สุภาพบุรุษสีเทาแห่งโรงละครรอยัล (Man in Grey of the Theatre Royal) พบที่โรงละครรอยัล  ถนนดูรีเลน

    Man in Grey of the Theatre Royal
  •           ผีถนนแนนทัก (Nan Tuck's Ghost) เป็นเรื่องราวของคุณนายทักที่วางยาฆ่าสามีตนเองราวปี พ.ศ. 2353 เจ้าหน้าที่สามารถจับเธอได้ที่ถนนนี้แต่เธอวิ่งหนีหายไปในป่าและไม่มีใครพบเห็นเธออีกเลย มีคนเคยพบเห็นเธอยังคงอยู่ในบริเวณนี้
    Nan Tuck's Ghost
  •                ผีแม่ชีแห่งกุฏิบอร์ลีย์ (Borley Rectory) ได้รับการขนานนามว่าเป็นสถานที่ที่สยองขวัญที่สุดในอังกฤษจากเหตุการณ์โพลเทอร์ไกสท์ และมีคนพบเห็นผีแม่ชีที่ตายไปวนเวียนอยู่ ต่อมากุฏิถูกไฟไหม้จนไม่เหลือซากอย่างไม่มีสาเหตุ
    Borley Rectory

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ตำนานของสแกนดิเนเวีย

  •               อัศวินแห่งอัลเลเบิร์ก (The Knights of alleberg) เป็นกลุ่มผีอัศวินทั้ง 12 ตนที่เสียชีวิตในยุทธการอัลเลเบิร์กเมื่อ พ.ศ. 1932 เป็นตำนานเก่าแก่ของสวีเดน

The Knights of alleberg
  •                 เจมส์ เฮปเบิร์น เอิร์ลที่ 4 แห่งบอทเวลล์ (James Hepburn, 4th Earl of Bothwell) แห่ง ปราสาทแดรกส์โฮล์ม ประเทศ เดนมาร์ก เป็นพระสวามีองค์ที่สามใน สมเด็จพระราชินีนาถแมรี่ที่ 1 แห่งสก็อตแลนด์ที่ซึ่งต่อมากลายเป็นคนวิกลจริตและเสียชีวิตในปราสาทแห่งนี้ ปัจจุบันมักมีคนเห็นเอิร์ลขี่ม้ารอบสนามและเต็มไปด้วยม้าและรถม้ามากมาย
James Hepburn, 4th Earl of Bothwell

วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ตำนานของยุโรป


  • สุภาพสตรีสีขาว (White Lady) เป็นผีชนิดหนึ่งในลักษณะของผู้หญิงซึ่งมีการพบเห็นทั่วไปในชนบท เกี่ยวข้องกับเรื่องราวโศกนาฏกรรมท้องถิ่น ปรากฏตัวในรูปลักษณ์เป็นสตรีตัวขาวโพลน และมีการรายงานถึงการพบเห็นทั่วโลก
    White Lady
  • คนหัวขาดขี่ม้า หรือ "ปีศาจสับหัว" (The Headless Horseman) เป็นปีศาจที่มีอยู่ในตำนานพื้นบ้านในช่วงยุคกลางโดยจะเป็นบุรุษขี่ม้าสีดำและไม่มีหัว บางตำนานเล่าว่า มันจะไล่สังหารผู้คนโดยการตัดศีรษะ
    The Headless Horseman
  • นักล่าแห่งพงไพร (The Wild Hunt) เป็นตำนานพื้นบ้านของยุโรปที่นักล่ามักจะเป็นบุคคลที่ตายแล้วหรือเทวดาที่สามารถติดต่อโลกแห่งความตายได้โดยจะปรากฏตัวเป็นกองทัพ
    The Wild Hunt

" ผี "

ตามความเชื่อและบันเทิงคดีแต่โบราณ ผี  เป็นวิญญาณ  หรือสปิริต ของคนหรือสัตว์ที่ตาย ซึ่งสามารถปรากฏให้คนเป็นเห็นได้ ไม่ว่าจะในรูปที่มองเห็นได้หรือสำแดงออกมาในรูปอื่น รายละเอียดการปรากฏตัวของผีมีหลากหลายมากตั้งแต่การแสดงตนแบบมองไม่เห็น ปรากฏเป็นรูปร่างบอบบางที่โปร่งแสงหรือแทบมองไม่เห็น ไปจนถึงการเห็นภาพสมจริงดุจมีชีวิต
ความเชื่อในการแสดงตนของวิญญาณผู้ตายนั้นมีแพร่หลาย ย้อนไปตั้งแต่วิญญาณนิยมหรือการบูชาบรรพบุรุษในวัฒนธรรมก่อนรู้หนังสือ หลักในบางศาสนา เช่น พิธีกรรมงานศพ พิธีไล่ผี หลักเจตนิยมบางประการและเวทมนตร์ ได้รับการออกแบบมาเพื่อปลอบวิญญาณของผู้ตายให้สงบโดยเฉพาะ ผีมักได้รับการอธิบายว่า เป็นสิ่งที่อยู่โดดเดี่ยวซึ่งสิงสู่ในสถานที่ วัตถุหรือบุคคลหนึ่ง ๆ ที่ผีผูกพันยามมีชีวิตอยู่

นางสาว  วทัญญุตา  วโรภาสสุนทร  ม. 4/4  เลขที่  23