แจ็คเดอะริปเปอร์
เป็นจอมอาชญากรคนสำคัญของโลกที่สร้างความสยดสยองด้วยการสังหารโสเภณีในอังกฤษในระหว่างปีค.ศ.1888หลายศพด้วยกัน
แต่ไม่เคยถูกจับตัวได้และไม่เคยมีใครสืบสาวไปถึงต้นตอหรือความเป็นตัวตนของเขาได้
แม้อาชญากรระดับโลกคนนี้จะหายไปจากโลกนี้นานแสนนานแล้วก็ตาม
แต่เรื่องราวของเขายังเป็นที่กล่าวถึงในหลายแง่มุม
และนั่นย่อมรวมไปถึงการเป็นวิญญาณหลงยุคที่ยังคงโผล่มาเยือนถิ่นเก่าที่เคยเป็นแหล่งพักพิงดื่มเหล้าของเขาก่อนที่จะออกไปล่าสังหารเหยื่อด้วย
ร้านเหล้าที่ชื่อเทนเบลส์ซึ่งตั้งอยู่อย่างสงบเงียบในย่านใจกลางเขตริปเปอร์แลนด์
บนถนนดอร์เซ็ต กรุงลอนดอนในประเทศอังกฤษ ตลอดจนอาคารมิลเลอร์สคอร์ต
บนถนนวิคตอเรียน
ยังปรากฏว่ามีคนรับรู้ถึงการมาปรากฏตัวของวิญญาณฆาตกรร้ายคนดังด้วย
เรื่องนี้ทำให้หวนคิดว่า นอกจากแจ็คจะเป็นฆาตกรร้ายยามมีชีวิตอยู่แล้ว เมื่อยามตายไปจากโลกเขายังถือกาสหวนกลับมายังถิ่นเก่าเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน
โจเซฟ ออกโรวสกี
คือผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านวิคตอเรียนสตรีทและห้องพักของเขาอยู่ตรงข้ามกับอาคารมิลเลอร์สคอร์ต
ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นจุดสุดท้ายที่แจ็คเดอะริปเปอร์ได้ทำการสังหารเหยื่อสาวซึ่งเป็นโสเภณีที่ชื่อ
แมรี่ เจน เคลลี่
โจเซฟได้เล่าถึงเหตุการณ์คราวที่เห็นผีแจ็คเดอะริปเปอร์ว่า “ถนนทั้งสายดูเงียบเหงาจนน่ากลัว
และแล้วผมก็มองเห็นถนนทั้งสายดูเงียบเหงาจนน่ากลัว
และแล้วผมก็มองเห็นร่างของคนคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินอย่างช้าๆไปตามถนน
สิ่งที่ทำให้ผมงงงันจนไม่อยากจะละสายตาไปจากภาพของคนคนนั้นคือ
รูปแบบการแต่งกายของมันนั่นเอง มันคลุมร่างด้วยเสื้อคลุมยาวจากหัวจรดเท้า
ทั้งยังสวมหมวกแก๊ปปิดหน้าผิดยุคผิดสมัย นอกจากนั้นมันยังยกปกเสื้อตั้งสูงอีกด้วย
แบบนั้นเท่ากับเป็นการปกปิดโฉมหน้าของมันมากเข้าไปอีกส่วนมือีกข้างหนึ่งของมันนั้นก็แบกห่อสิ่งของเล็กๆติดตัวมาด้วย
เมื่อมันเดินจนถึงบ้านเลขที่13 มันก็หยุดนิ่งแล้วมองไปรอบๆ
จากนั้นก็ก้าวเดินตรงเข้าไปในล้อมรั้วของบ้านหลังนั้นทันที”
ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้เขาหยุดตั้งสติ
และคิดว่าต้องทำอะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงรีบเดินออกไปข้างนอกทันที
เมื่อข้ามถนนไปยังอาคารน่าสงสัยฝั่งตรงข้าม
สิ่งที่เขาทำคือรีบแนบดวงตาไปตามรอยแตกของแผ่นกระดานที่ล้อมรั้วอาคารหมายเลข13นั้น
เขาบอกว่าภาพภายในล้อมรั้วนั้นมันช่างมืดมิดจนเดาอะไรไม่ออกบางทีอาจเป็นเพราระว่าแผ่นกระดานนั้นถูกตีเป็นแผงชิดตัวตึกมากเกินไปก็ได้
และคงไม่ได้เห็นอะไรกระมัง
เขาตั้งใจเอาเองว่าคืนต่อไปถ้าสบโอกาสเขาจะต้องจับพิรุธไอ้เจ้าร่างประหลาดนั้นให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่ง
แล้วโจเซฟก็สบโอกาสดังหวัง
เขาเล่าว่า “เพียงแค่อาทิตย์กว่าๆ
หลังจากเหตุการณ์คราวนั้นผมก็เห็นเจ้าของเรือนร่างลึกลับซึ่งยังคงแฝงกายมาในชุดแบบเดิมที่ผมเคยจับตามองมัน
มันย่างก้าวสบๆมาตามถนนสายนั้นอีกครั้งก่อนที่จะแฝงกายหายไปในอาคารหมายเลข13อย่างลึกลับ
ไม่น่าเชื่อว่าวินาทีนั้นผมเชื่อเต็มเปาว่าผมได้เห็นปีศาจแจ็คเดอะริปเปอร์เข้าให้แล้วอย่างจัง”
รูปร่างของชายลึกลับตามสายตาของโจเซฟนั้นตรงกันกับรายงานของการสืบพยานในยุคร้อยกว่าปีก่อนที่รายงานว่า(จากปากคำพยานในยุคนั้น)
เขาเห็นชายที่เดินกับแมรี่ เจน เคลลี่ จะกลายเป็นศพอยู่ที่มิลเลอร์สคอร์ตในเวลาต่อมา
เป็นเรื่องน่าประหลาดว่า
หลังจากวันที่โจเซฟเห็นวิญญาณของแจ็คเดอะริปเปอร์
เดินเข้าไปที่อาคารเก่าๆหลังนั้นแล้ว
อีกไม่กี่วันให้หลังอาคารหลังนั้นก็ถูกทำลายลงเพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับก่อสร้างอาคารสมัยใหม่แทนที่
และนั่นทำให้วิญญาณแจ็คเดอะริปเปอร์ ไม่โผล่มาเดินท่อมๆให้โจเซฟเห็นอีกเลย
นอกจากอาคารหลังดังกล่าวซึ่งวิญญาณของแจ็คเฝ้าวนเวียนไปมาแล้ว
เชื่อกันว่าแจ็คยังคงไปสิงสถิตที่ร้านเหล้าชื่อเดอะเทนเบลส์ด้วยเช่นกัน
เพราะร้านเหล้าแห่งนั้นเป็นร้านเหล้าสำคัญที่อยู่ไม่ห่างไกลจากจุดที่แจ็คได้ฆาตกรรมหญิงสาวโสเภณีหลายราย
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตัวของแจ็คเดอะริปเปอร์เอง
หรือกระทั่งสาวบางคนที่ตกเป็นเหยื่อของเขา
ต่างก็มีโอกาสได้มาดื่มเหล้าที่ร้านนี้ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมกันทั้งนั้น
โดยเฉพาะแมรี่ เจน เคลลี่ ซึ่งถือว่าเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของแจ็คนั้น
ก่อนที่เธอจะตายก็ได้มาสั่งเหล้าที่ร้านนี้ดื่มอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น