ค.ศ. 1965 ดร. เบอร์นาร์ด ฮิวเวลมานส์
นักสัตววิทยาศึกษารายงานเกือบ600ชิ้น เรื่องการพบเห็นสัตว์ประหลาดในทะเล
เขาจัดจำพวกของมันเป็น9ชนิด
ซอเรียน - พวกจระเข้
ซูเปอร์อีล - อาจเป็นปลาที่คล้ายงู
ซูเปอร์ออตเตอร์ -
พวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหางยาว
เมนี่-ฟินด์ - สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวยาว มีครีบรูปสามเหลี่ยม
เมนี่-ฮัมพ์
- สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวยาว ศีรษะตรงทื่อ คอสั้น
มีตีนเป็ด มีตะโหงกที่หลัง
ลอง-เน็ค - แมวน้ำไม่มีหาง
ซีฮอร์ส - คล้ายพวกลอง-เน็ค แต่ตาโต มีหนวดและแผงคอ
ไจแอนท์ แท็ดโพล - ตัวสีเหลือง มีรูปร่างแบบลูกอ๊อด มีตาหลัง
ไจแอนท์ เทอร์เทิล - เหมือนสัตว์ดึกดำบรรพ์ในยุคเมโสโซอิค
เขาตัดสินว่ารายงาน358ชิ้น ไม่ใช่เรื่องโกหก ดูผิด
หรือสับสนกับสัตว์ที่รู้จักกันดี ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าเป็นความจริง
ตำนานเรื่องสัตว์ประหลาดในทะเลที่มีมายาวนานที่สุด
เป็นเรื่องของเงือกทั้งหญิงและชาย ในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงเทพที่มีหางเป็นปลา
เมื่อเร็วๆนี้หนังสือพิมพ์เพรตโตเรียนิวส์ของแอฟริกาใต้
มีรายงานการพบนางเงือกในควันหลงจากพายุที่ลูซาก้า เมื่อวันที่20 ธันวาคม ค.ศ.1977
สิ่งมีชีวิตตัวนั้นเป็น “หญิงชาวยุโรปตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นไป
ในขณะที่ร่างกายส่วนที่เหลือมีรูปร่างคล้ายกับส่วนของหางปลาและมีเกล็ดปกคลุม” บ่อยครั้งที่มีการอธิบายว่าคนเข้าใจผิดว่าเห็นเงือก
แต่แท้จริงคือสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกพะยูน
บ้างก็เชื่อว่าเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว
บรรพบุรุษของมนุษย์คลานขึ้นมาจากทะเลเพื่อมาใช้ชีวิตบนบกเงือกคือต้นตระกูลมนุษย์ซึ่งเลือกที่จะอยู่ในทะเล
ค.ศ.1913 มีรายงานว่าพบสัตว์ประหลาดแถวชายฝั่งออสเตรเลีย ออสการ์
เดวีส นักสำรวจแร่ชาวทัสเมเนียกับเพื่อน ดับบลิว แฮริส มองเห็นมันอยู่บนชายหาด
ขณะอาทิตย์อัสดง “มันยาว4.5เมตร
หัวเล็ก ลำคออวบโค้งพันขดไปตามตัว ไม่มีหางและครีบ มีขนปุกปุย
สีขนคล้ายม้าสีน้ำตาลไหม้ที่ได้รับการแปรงขนจนเป็นมัน
ขาทั้งสี่แปลกเป็นพิเศษและมีรอยเท้าที่ไม่เหมือนใคร
คือเวียนเป็นวงกลมมีเส้นผ่านศูนย์กลาง(วัดแล้ว)9นิ้ว
อุ้งเท้ายาวประมาณ7นิ้วยื่นออกมาจากร่างกาย
เคลื่อนที่เร็วมากเมื่อถูกรบกวนจะยกส่วนท้ายขึ้นแล้วเตะขาหลังออกมา
ความสูงขณะยืนสี่ขาราว 1.07-1.22เมตร” พวกเขาคุ้นเคยกับแมวน้ำและสิงโคทะเลในแถบนั้นดี
แต่สัตว์ประหลาดแบบนี้ไม่ใช่พวกเดียวกัน
โลกนี้มีส่วนที่เป็นพื้นน้ำมากกว่าพื้นดิน
น้ำครอบคลุมถึง3ใน5ของพื้นผิวโลก บางที่มีความลึกถึง9.5กิโลเมตร
พื้นน้ำเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นที่ถูกมนุษย์สำรวจ
ยังมีพื้นที่อีกมากมายที่มีสิ่งมีชีวิตหลากชนิดซึ่งมนุษย์ไม่เคยประสบพบเห็นอาศัยอยู่
ปลาวาฬที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีความยาว30เมตร
ปลาที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุด(ฉลามวาฬ) มีความยาววัดได้18เมตร
ยามที่มนุษย์คิดว่ารู้จักสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในมหาสมุทรดีแล้ว
ก็จะมีการค้นพบสัตว์ชนิดใหม่ขึ้น ในค.ศ.1937
มีการพบปลาวาฬปากเป็ดซึ่งไม่มีใครรู้จักมาก่อน ถูกซัดมาเกยตื้นในนิวซีแลนด์
ในยามที่เราคิดว่าสัตว์ทเลยุคก่อนประวัติศาสตร์สูญพันธุ์ไปแล้ว
ก็จะมีตัวหนึ่งโผล่มาให้เห็น มีผู้จับตัวซีลาแคนท์(Coelacanth) (ซึ่งเชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อ70ล้านปีก่อน)
ได้ในมหาสมุทรอินเดียในปีพ.ศ.1939 จากนั้นมาก็ยังจับได้อีก และจับได้ทั้งที่ยังเป็นๆเสียด้วย
พื้นที่มหาสมุทรส่วนใหญ่จะอยู่ค่อนไปทางซีกโลกใต้
แต่การประมงส่วนมากทำกันในทางซีกโลกเหนือ
ดังนั้นทะเลทางซีกโลกใต้จึงเกือบจะไม่ถูกรบกวนเลย
คนทั่วโลกเคยได้ยินเรื่องราวของสัตว์ประหลาดในท้องทะเล
คนเหล่านี้อยู่ห่างไกลกันด้วยทั้งระยะทางและระยะเวลา
กระนั้นสัตว์ประหลาดที่เขาเล่าก็มักจะคล้ายๆกัน
ในยุโรปตอนเหนือมีสัตว์ชนิดหนึ่งเรียกว่า คราเคน(Kraken) เมื่อโผล่ขึ้นเหนือน้ำจะแผ่ร่างออกครอบคลุมพื้นที่มากกว่า2.4กิโลเมตร
กะลาสีเรือเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกาะจึงนำเรือเข้าไปจอดแล้วเตรียมก่อไฟตั้งค่ายพักแรม
แต่แล้วก็ต้องตะเกียกตะกายว่ายน้ำเพราะมันดำน้ำลงไป
ตำนานของชาวมาลากัสเรียกมันว่าราชาแห่งท้องทะเล ชาวกรีกโบราณเรียกมันว่าตัวสกิลล่า(Scylla)
ปลาโลมาที่ว่ายเรียงกันเป็นแถวจะมองดูราวกับสัตว์ที่มีหนอกเช่นเดียวกับนกเพนกวินที่ว่ายน้ำ
สัตว์อื่นๆที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นตัวประหลาดก็ได้แก่ แมวน้ำวอลรัส สิงโตทะเล
ปลาไหลทะเลยักษ์ วัวทะเล(เชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว)ปลาวาฬ ปลาหมึก
และปลาหมึกยักษ์ ซึ่งสามารถยืดหนวดออกไปไดไกลถึง20เมตร
และพบเห็นว่าต่อสู้กับปลาวาฬด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น