วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พรายน้ำ

ค.ศ. 1965 ดร. เบอร์นาร์ด ฮิวเวลมานส์ นักสัตววิทยาศึกษารายงานเกือบ600ชิ้น เรื่องการพบเห็นสัตว์ประหลาดในทะเล เขาจัดจำพวกของมันเป็น9ชนิด
ซอเรียน                                         - พวกจระเข้
ซูเปอร์อีล                                      - อาจเป็นปลาที่คล้ายงู
ซูเปอร์ออตเตอร์                             - พวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหางยาว                  
เมนี่-ฟินด์                                     - สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวยาว มีครีบรูปสามเหลี่ยม
เมนี่-ฮัมพ์                                     - สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวยาว ศีรษะตรงทื่อ คอสั้น มีตีนเป็ด มีตะโหงกที่หลัง
ลอง-เน็ค                                       - แมวน้ำไม่มีหาง
ซีฮอร์ส                                         - คล้ายพวกลอง-เน็ค แต่ตาโต มีหนวดและแผงคอ
ไจแอนท์ แท็ดโพล                         - ตัวสีเหลือง มีรูปร่างแบบลูกอ๊อด มีตาหลัง
ไจแอนท์ เทอร์เทิล                          - เหมือนสัตว์ดึกดำบรรพ์ในยุคเมโสโซอิค
เขาตัดสินว่ารายงาน358ชิ้น ไม่ใช่เรื่องโกหก ดูผิด หรือสับสนกับสัตว์ที่รู้จักกันดี ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าเป็นความจริง
ตำนานเรื่องสัตว์ประหลาดในทะเลที่มีมายาวนานที่สุด เป็นเรื่องของเงือกทั้งหญิงและชาย ในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงเทพที่มีหางเป็นปลา เมื่อเร็วๆนี้หนังสือพิมพ์เพรตโตเรียนิวส์ของแอฟริกาใต้ มีรายงานการพบนางเงือกในควันหลงจากพายุที่ลูซาก้า เมื่อวันที่20 ธันวาคม ค.ศ.1977 สิ่งมีชีวิตตัวนั้นเป็น “หญิงชาวยุโรปตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นไป ในขณะที่ร่างกายส่วนที่เหลือมีรูปร่างคล้ายกับส่วนของหางปลาและมีเกล็ดปกคลุม” บ่อยครั้งที่มีการอธิบายว่าคนเข้าใจผิดว่าเห็นเงือก แต่แท้จริงคือสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกพะยูน บ้างก็เชื่อว่าเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว บรรพบุรุษของมนุษย์คลานขึ้นมาจากทะเลเพื่อมาใช้ชีวิตบนบกเงือกคือต้นตระกูลมนุษย์ซึ่งเลือกที่จะอยู่ในทะเล
ค.ศ.1913 มีรายงานว่าพบสัตว์ประหลาดแถวชายฝั่งออสเตรเลีย ออสการ์ เดวีส นักสำรวจแร่ชาวทัสเมเนียกับเพื่อน ดับบลิว แฮริส มองเห็นมันอยู่บนชายหาด ขณะอาทิตย์อัสดง “มันยาว4.5เมตร หัวเล็ก ลำคออวบโค้งพันขดไปตามตัว ไม่มีหางและครีบ มีขนปุกปุย สีขนคล้ายม้าสีน้ำตาลไหม้ที่ได้รับการแปรงขนจนเป็นมัน ขาทั้งสี่แปลกเป็นพิเศษและมีรอยเท้าที่ไม่เหมือนใคร คือเวียนเป็นวงกลมมีเส้นผ่านศูนย์กลาง(วัดแล้ว)9นิ้ว อุ้งเท้ายาวประมาณ7นิ้วยื่นออกมาจากร่างกาย เคลื่อนที่เร็วมากเมื่อถูกรบกวนจะยกส่วนท้ายขึ้นแล้วเตะขาหลังออกมา ความสูงขณะยืนสี่ขาราว 1.07-1.22เมตร” พวกเขาคุ้นเคยกับแมวน้ำและสิงโคทะเลในแถบนั้นดี แต่สัตว์ประหลาดแบบนี้ไม่ใช่พวกเดียวกัน
โลกนี้มีส่วนที่เป็นพื้นน้ำมากกว่าพื้นดิน น้ำครอบคลุมถึง3ใน5ของพื้นผิวโลก บางที่มีความลึกถึง9.5กิโลเมตร พื้นน้ำเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นที่ถูกมนุษย์สำรวจ ยังมีพื้นที่อีกมากมายที่มีสิ่งมีชีวิตหลากชนิดซึ่งมนุษย์ไม่เคยประสบพบเห็นอาศัยอยู่

ปลาวาฬที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีความยาว30เมตร ปลาที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุด(ฉลามวาฬ) มีความยาววัดได้18เมตร
ยามที่มนุษย์คิดว่ารู้จักสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในมหาสมุทรดีแล้ว ก็จะมีการค้นพบสัตว์ชนิดใหม่ขึ้น ในค.ศ.1937 มีการพบปลาวาฬปากเป็ดซึ่งไม่มีใครรู้จักมาก่อน ถูกซัดมาเกยตื้นในนิวซีแลนด์
ในยามที่เราคิดว่าสัตว์ทเลยุคก่อนประวัติศาสตร์สูญพันธุ์ไปแล้ว ก็จะมีตัวหนึ่งโผล่มาให้เห็น มีผู้จับตัวซีลาแคนท์(Coelacanth) (ซึ่งเชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อ70ล้านปีก่อน) ได้ในมหาสมุทรอินเดียในปีพ.ศ.1939 จากนั้นมาก็ยังจับได้อีก และจับได้ทั้งที่ยังเป็นๆเสียด้วย
                      
พื้นที่มหาสมุทรส่วนใหญ่จะอยู่ค่อนไปทางซีกโลกใต้ แต่การประมงส่วนมากทำกันในทางซีกโลกเหนือ ดังนั้นทะเลทางซีกโลกใต้จึงเกือบจะไม่ถูกรบกวนเลย
คนทั่วโลกเคยได้ยินเรื่องราวของสัตว์ประหลาดในท้องทะเล คนเหล่านี้อยู่ห่างไกลกันด้วยทั้งระยะทางและระยะเวลา กระนั้นสัตว์ประหลาดที่เขาเล่าก็มักจะคล้ายๆกัน ในยุโรปตอนเหนือมีสัตว์ชนิดหนึ่งเรียกว่า คราเคน(Kraken) เมื่อโผล่ขึ้นเหนือน้ำจะแผ่ร่างออกครอบคลุมพื้นที่มากกว่า2.4กิโลเมตร กะลาสีเรือเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกาะจึงนำเรือเข้าไปจอดแล้วเตรียมก่อไฟตั้งค่ายพักแรม แต่แล้วก็ต้องตะเกียกตะกายว่ายน้ำเพราะมันดำน้ำลงไป ตำนานของชาวมาลากัสเรียกมันว่าราชาแห่งท้องทะเล ชาวกรีกโบราณเรียกมันว่าตัวสกิลล่า(Scylla)
                                       

                                                                        

ปลาโลมาที่ว่ายเรียงกันเป็นแถวจะมองดูราวกับสัตว์ที่มีหนอกเช่นเดียวกับนกเพนกวินที่ว่ายน้ำ สัตว์อื่นๆที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นตัวประหลาดก็ได้แก่ แมวน้ำวอลรัส สิงโตทะเล ปลาไหลทะเลยักษ์ วัวทะเล(เชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว)ปลาวาฬ ปลาหมึก และปลาหมึกยักษ์ ซึ่งสามารถยืดหนวดออกไปไดไกลถึง20เมตร และพบเห็นว่าต่อสู้กับปลาวาฬด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น