1. เรื่องผีดิบเคาค์แดร็กคิวล่าอันโด่งดังเป็นเพียงนิยายที่แต่งขึ้นโดย
บราม สโตกเกอร์เมื่อ100ปีมาแล้ว นิยายเรื่องนี้ยังคงเป็นที่นิยมอยู่จวบจนทุกวันนี้
ยังมีนิยายผีดิบอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกือบจะถูกลืมไปแล้ว
นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นในปีค.ศ.1847 ชื่อวาร์นี่ จอมผีดิบ เป็นเรื่องเล่าเป็นตอนๆ
ผีดิบวาร์นี่ตายโดยกระโดดลงไปในปล่องภูเขาไฟ
2. ชายผู้หนึ่งชื่อแดร็กคิวล่า อาศัยอยู่ในยุโรปตะวันออก
เขาไม่ได้เป็นผีดิบ แต่เป็นแม่ทัพใจเหี้ยมที่ข่มขู่ผู้คนในแถบนั้น ได้รับสมญาว่า
วลาด แดร็กคิวล่า จอมเสียบ เนื่องมาจากปฏิบัติการอันโหดร้ายของเขา
คือใช้ไม้ปลายแหลมเสียบอกเหล่าศัตรูและพวกนักโทษ
3. ค้างคาวผีดิบมีจริง แต่มันไม่ดูดเลือดมนุษย์
มันจะดูดเลือดวัวหรือม้าที่กำลังนอนหลับโดยเจาะเข้าที่ผิวหนังแล้วดูดเลียเลือดของเหยื่อเหมือนแมวเลียนม
ฟันของมันแหลมคมมากจนเหยื่อไม่ทันรู้สึกตัว
สารตัวหนึ่งที่อยู่ในน้ำลายของมันทำให้เลือดไหลออกมาเรื่อยๆไม่แข็งตัว
เหยื่อจะไม่เสียชีวิตเพราะถูกดูดเลือด แต่ค้างคาวชนิดนี้อาจเป็นพาหะของโรค เช่น
โรคกลัวน้ำ ซึ่งจะทำให้เหยื่อตายได้ในที่สุด
4. ในลอนดอนมีสมาคมแดร็กคิวล่าอยู่แห่งหนึ่ง และอีกแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย
พวกสมาชิกจะพบปะกันปีละครั้งในวันที่8 พฤษจิกายน เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของบราม
สโตกเกอร์ ผู้เขียนเรื่องแดร็กคิวล่า
ในงานนี้จะมีการเชิญผู้บรรยายมาพูดเรื่องตำนานผีดิบ
5. เชื่อกันว่า ผีดิบไม่ถูกกับกระเทียมและเกลือ ซึ่งจะช่วยไล่ผีดิบไปได้
การโรยผงชอล์กและพรมน้ำมนต์ก็เชื่อว่าได้ผลเช่นกัน
วิธีเดียวที่จะฆ่าผีดิบให้สิ้นซากก็คือใช้ไม้หรือเหล็กแหลมตอกทะลุหัวใจ
ผีดิบจะกรีดร้องเสียงแหลมขณะดำเนินพิธีกรรมอยู่ ผีดิบบางตัวก็ร้องไห้ด้วย
ถ้าต้องการให้แน่ใจว่าผีดิบตายจริงๆ เขาจะตัดศีรษะออกแล้วเอาร่างไปเผา
6.
เชื่อกันว่าเราสามารถป้องกันตัวเองจากผีดิบได้โดยการทำเครื่องหมายกางเขน
ผีดิบและพระต่างก็ไม่ถูกกัน
พวกพระแถบยุโรปตะวันออกกล่าวว่าคนที่มีจิตใจชั่วร้ายจะกลายเป็นผีดิบ ผีดิบไม่สามารถบังคับให้เหยื่อเข้าไปในรังของมันได้
นอกเสียจากว่าจะเชื้อเชิญให้เข้าไปโดยสมัครใจ
7. ตำนานเรื่องผีดิบสืบสาวไปได้หลายพันปี
ตั้งแต่สมัยกรีกโรมันและเทพนิยายของชาวฮีบรู
แต่ศูนย์รวมที่ขึ้นชื่อที่สุดอยู่บริเวณทรานซิลเวเนียในโรมาเนีย ประเทศโรมาเนียอาศัยตำนานเรื่องผีดิบเป็นจุดขายของธุรกิจการท่องเที่ยว
กล่าวคือ มีโรงแรมชื่อปราสาทแดร็กคิวล่า
โรงแรมจะเปิดเทปเสียงหมาป่าหอนเมื่อมีแขกขับรถเข้ามาในบริเวณนั้น
8. ตำนานบอกว่าผีดิบอาจเป็นชายหรือหญิงก็ได้
เหยื่อของผีดิบจะกลายเป็นผีดิบรายต่อไป
กระนั้นเชื่อว่าถ้าได้กินดินจากหลุมฝังศพของผีดิบจะช่วยรักษาอาการได้
9. ในศตวรรษที่17และ18
มีการขโมยขุดซากศพจากหลุมแล้วนำไปขายให้แพทย์เพื่อการศึกษา
พวกขโมยทิ้งหลุมศพให้ว่างเปล่า
ดังนั้นคนขี้ตื่นจึงพากันคิดว่าซากศพลุกจากหลุมเดินเองได้
10. คนที่เชื่อเรื่องผีดิบอธิบายสภาวะการเป็นผีดิบไว้2แบบ แบบแรกบอกว่า
ผีดิบคือวิญญาณชั่วร้ายที่เข้าสิงสู่อยู่ในซากศพ อีกแบบหนึ่งก็ว่า
ผีดิบคือวิญญาณของคนตายที่ชั่วร้ายเสียจนไม่มีภพภูมิที่จะไปหลังความตาย
จึงต้องย้อนกลับมาหาร่างเดิมเพื่อเป็นแหล่งพักพิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น